ข้อ 1. ให้นักึกษาแต่ละคนไปหา Spec ของเครื่องคอมพิวเตอร์ (PC) หรือ Notebook 1 เครื่อง บอกคุณสมบัติของ Spec เหล่านั้น
1. CPU
– Intel Core i5- 4430
2. Hard disk
– Western Digital Blue 1 TB
3. RAM
– Kingston Hyper-x DDR3 4 GB 1600
4. CD – ROM Diver
– Asus DVD – RW 24X (24D3ST)
5. Monitor
– จอภาพแบบ LED Monitor ขนาด 20 นิ้ว
6. Sound Card
– Asus XONAR U7 soundcard 7.1 CH USB
1. CPU (Central Processing Unit)
คือ หน่วยประมวลผลกลาง
ทำหน้าที่ คำนวณค่า ประมวลผล และควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆในระบบ CPU
CPU ในการทำงานประกอบไปด้วย
– 1.1 core คือ หน่วยประมวลผลย่อย
มีหน้าที่ คำนวณค่าความเร็วในการบวกเลข
– 1.2 cache คือ หน่วยความจำ
มีหน้าที่ เป็นกระดาษช่วยจำคอยบันทึกข้อมูลเพื่อนำไปคำนวณ
– 1.3 FSB คือ เส้นทางในการรับส่งข้อมูลของคอมพิวเตอร์
2. ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk)
คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูล
3. แรม (RAM)
คือ หน่วยความจำชั่วคราว
4. CD-ROM Drive
คือ เครื่องขับแผ่น CD ที่ติดตั้งอยู่หน้า Case การใช้งานต้องวางแผ่นลงบนถาดที่เลื่อนออกมาจาก CD-ROM Drive จากนั้นเพียงกดปุ่ม ถาดก็จะ เคลื่อนกลับเข้าไป พร้อมที่จะเล่นแผ่นได้
5. Monitor
คือ จอมอนิเตอร์หรือว่าจอภาพ มีความสำคัญสำหรับการแสดงผลข้อมูลให้กับทางด้านสายตา ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลอะไรก็ตามที่เราสามารถที่จะดูได้ทางจอภาพไม่ว่าจะเป็น ภาพ แสง สี ตัวหนังสือ ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ในการแสดงผลหลักเลยก็ว่าได้หากไม่มีก็ไม่สามารถที่จะตรวจสอบสถานะต่างๆได้ และด้วยการแสดงผลที่ต้องมีคุณภาพจึงมีเทคโนโลยีต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นจากที่เคยเป็นจอขาวดำเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ได้เป็นสี โดยทั่วไปแล้วจอภาพที่เราใช้อยู่มีหลายแบบ ทั้ง CRT LCD cและ LED
6. sound card
คือ อุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถแสดงผลออกมาในรูปแบบเสียงได้ โดยจะทำหน้าที่ควบเรื่องเสียง อย่างเช่น ถ้าวงจรเสียงใช้กับเกมส์ที่เราเล่นจะเกิด เสียงต่าง ๆ หรือสร้างเสียงเอฟเฟคต่าง ๆ เข้าเป็น วงจรเสียงที่ใช้กับดนตรีชนิดต่าง ๆ สำหรับสร้างสรรค์งานเพลงที่เราต้องการให้มีคุณภาพของเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยคุณภาพเสียงจะขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของ Sound Card
ที่มา : http://www.mindphp.com/
ข้อ 2. เปรียบเทียบเครื่องพิมพ์ 3 ชนิด คือ acer Inkjet และหัวเข็ม
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser printer)
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีคุณภาพสูงมาก และราคาเครื่องพิมพ์ก็มีราคาสูงมากด้วยเช่นกัน ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะทำงานได้เร็วกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก และคุณภาพของผลลัพธ์ทั้งด้านความคมชัดและรายละเอียดทำออกมาได้ดีกว่าแบบพ่น หมึกมาก
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/เครื่องพิมพ์
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท (Inkjet Printer)
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท แต่เดิมสามารถพิมพ์ได้ 4 สีโดยใช้หมึกเติม แต่ในปัจจุบัน มีเพิ่มเข้ามา 6 สี หรือ 8 สี เพื่อลดปัญหาในการผสมสี แต่จะมี 4 สีเป็นแม่พิมพ์หลัก ซึ่งข้อดีของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท คือ ภาพที่ออกมากจะสวยงามกว่า เครื่องปริ้นเลเซอร์ ซึ่งจะดูมีความเป็นธรรมชาติ ความคมชัดสูง แต่จะใช้เวลาพิมพ์นานกว่า
Inkjet Printer เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไป ที่ไม่ใช่ร้านค้า หรือสำนักงาน เพราะการพิมพ์ไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม นักศึกษา นักเรียน วัยเรียน แต่ก็จะมีบริษัทใหญ่บางบริษัทที่ใช้อิงค์เจ็ทเพราะเน้นงานที่มีความสวยงามเป็นหลัก เช่น สตูดิโอ
ที่มา : http://www.lasuprint.com/
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot-matrix printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ การทำงานของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้คือจะใช้การสร้างจุดลงบนกระดาษ ซึ่งหัวพิมพ์จะมีลักษณะเป็นหัวเข็ม เมื่อต้องการพิมพ์รูปทรงหรือรูปภาพใดๆ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งตามรูปประกอบนั้นๆ จะยื่นออกมามากกว่าหัวอื่นๆ และกระแทกกับผ้าหมึกลง กระดาษที่ใช้ พิมพ์ จะทำให้เกิดจุดมากมายประกอบกันเป็นรูปเกิดขึ้นมา เครื่องพิมพ์ประเภทนี้เป็นที่นิยมกันอย่างมากเพราะมีราคาถูกและคุณภาพเหมาะ สมกับราคา แต่ข้อเสียคือเวลาสั่งพิมพ์จะเกิดเสียดังพอสมควร
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ ในปัจจุบันส่วนใหญ่ นิยมใช้กันมี 2 แบบ
1. เครื่องพิมพ์แบบ 9 เข็ม
2. เครื่องพิมพ์แบบ 24 เข็ม
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/เครื่องพิมพ์
ข้อ 3. CD กับ DVD แตกต่างกันอย่างไร
ซีดี (Compact Disc) คือแผ่นออพติคอลเก็บข้อมูลดิจิทัลต่าง ๆ ซึ่งเดิมพัฒนาสำหรับเก็บเสียงดิจิทัล ซีดีคือมาตรฐานรูปแบบการบันทึกเสียงทางการค้าในปัจจุบัน
แผ่นซีดี หรือซีดี-รอม (CD-ROM : Compact Disc-Read Only Memory) ประดิษฐ์ในนามบริษัท จุดเริ่มต้นคือปี 1978 บริษัทฟิลิปส์และโซนี่จับมือกันผลิตคอมแพ็กดิสก์สำหรับบันทึกเสียง หรือ ซีดขึ้น ซึ่งขณะนั้นฟิลิปส์พัฒนาเครื่องเล่นเลเซอร์ดิสก์ออกจำหน่ายแล้ว และโซนี่ก็ได้วิจัยการบันทึกเสียงแบบดิจิตอลมานานนับสิบปีแล้ว
ดีวีดี (Digital Video Disc หรือ Digital Versatile Disc : DVD) คือ ซีดีที่สามารถบันทึกข้อมูล ภาพ เสียง และข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ได้ และถึงแม้ดีวีดีจะมีหน้าตาเหมือนกันกับซีดี แต่ว่าสามารถบันทึกข้อมูลได้มากกว่าถึง 7 ถึง 14 เท่าเลยทีเดียว จุดมุ่งหมายของดีวีดีก็เพื่อที่จะรวบรวมข้อมูลทุก ๆ อย่าง เช่น ความบันเทิงภายในบ้าน ข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ หรือในธุรกิจไว้ในแผ่นเพียงแผ่นเดียว รวมถึงเข้ามาแทนที่แผ่นซีดี วีดีโอเทป เลเซอร์ดิสก์ ซีดีรอม หรือแม้กระทั่งวีดีโอเกมส์ ขณะนี้ดีวีดีกำลังได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง เนื่องจาก ดีวีดีให้ภาพและเสียงที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับโทรทัศน หรือเทปวีดีโอทั่ว ๆ ไป นอกจากนั้นยังใช้งานสะดวก และทนทานกว่าด้วย
รูปแบบของแผ่นดีวีดี
• แผ่น DVD-ROM เป็นแผ่นดีวีดีที่บันทึกข้อมูลเพียงอย่างเดียวเหมือนกับซีดีรอม โดยการบันทึกข้อมูลจากโรงงาน เราไม่สามารถบันทึกข้อมูลเพิ่มเติมได้
• แผ่น DVD-R (DVD-Recordable) เป็นแผ่นดีวีดีที่สามารถบันทึกข้อมูลได้เพียงครั้งเดียว โดยสามารถบันทึกได้ทั้งข้อมูลเพลงและวิดีโอ ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ใช้เขียนแผ่น
• DVD-RW (DVD-Rewritable) สามารถเขียนข้อมูลซ้ำได้หลายครั้ง จะเล่นได้กับไดรว์ DVD-R/RWบนเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น
• แผ่น DVD+R/RW เป็นแผ่นที่ใกล้เคียงกับ DVD-RW เป็นมาตรฐานที่ทำให้แผ่นที่สามารถเขียนซ้ำได้ สามารถนำไปใช้งานได้กับเครื่องเล่นดีวีดีอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ไดร์วของดีวีดีบนคอมพิวเตอร์
• แผ่น DVD-RAM (DVD-Random Access Memory) เป็นดิสก์แบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม สามารถบันทึกซ้ำได้เช่นเดียวกับ DVD-R, DVD+R/RW การบันทึกข้อมูลจะเป็นแบบฮาร์ดดิสก์ ซึ่งจะต้องมีไดร์ฟชนิดพิเศษในการอ่านและเขียนข้อมูล จะใช้งานผ่านไดร์ฟดีวีดีปกติไม่ได้ แต่ข้อดีของดีวีดีชนิดนี้ก็คือ สามารถบันทึกข้อมูลซ้ำได้มากกว่า 100,000 ครั้งทำให้มันถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่มากขึ้น เช่น กล้องดิจิทัล
คุณสมบัติพิเศษของดีวีดี
1. คุณภาพของภาพและเสียง ระบบภาพของดีวีดีถูกบันทึกโดยใช้การบีบอัดภาพแบบ MPEG-2 ซึ่งจะให้คุณภาพของภาพและเสียงที่ดีกว่า
2. การแสดงภาพแบบ Wide-Screen เนื่องจากโทรทัศน์ที่ใช้กันอยู่มีอัตราส่วนของจอภาพเป็น 4:3 แต่ภาพยนตร์ที่สร้างในปัจจุบันมีอัตราส่วนของภาพเป็น 16 : 9 หรือ 20 : 9 ดังนั้นเวลาที่นำภาพยนตร์มาบันทึกลงวิดีโอก็จะต้องตัดขอบบนและขอบล่างบางส่วนทิ้ง ด้วยเทคโนโลยีของดีวีดี ทำให้ชมภาพยนตร์ที่มีอัตราส่วน 16 : 9 ได้ซึ่งหมายความว่าจะต้องใช้ร่วมกับโทรทัศน์แบบWide-Screen ด้วย
3. เลือกการทำงานแบบ Interactive เราสามารถเลือกมุมกล้องในการดูได้มากกว่า 1 มุมกล้อง ดีวีดีจะมีรายการให้เลือกรูปแบบการทำงาน ทำให้ผู้ใช้สามารถกำหนดสิ่งที่ตัวเองต้องการรับชมเหมือนกับเป็นผู้กำกับหนัง ซึ่งทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับแผ่นโปรแกรมแต่ละแผ่นด้วย
4. สามารถให้ผู้ปกครองสามารถกำหนดรหัสผ่านในการชมภาพยนตร์ที่มีเรทอันไม่เหมาะสมกับอายุของเด็ก ๆ นอกจากนี้ยังสามารถชมภาพยนตร์ในแผ่นเดียวกันแต่เป็นเวอร์ชั่นในระดับที่ต่างกันได้
5. วิดีโอหลายภาษา ผู้ชมภาพยนตร์สามารถเลือกภาษาที่ตนต้องการได้ เพราะแผ่นดีวีดีหนึ่งแผ่นจะเก็บซาวด์แทรคได้ถึง 8 ภาษาและคำบรรยายใต้ภาพอีก 32 ภาษา
ที่มา : http://www.st.ac.th/av/inno_cddvd.htm